วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

มะกรูด

มะกรูด หนึ่งในไม้สวนครัวที่อยากแนะนำให้ควรปลูกไว้ติดบ้าน

มะกรูดช่วยให้ผมดำเงางาม กำจัดรังแค แก้คันศรีษะ แก้ผมแตกปลาย ป้องกันผมร่วง และหงอกช้า สรรพคุณทางยา ก็มีมากโดยผลสด ผิวมะกรูด มีกลิ่นหอมร้อน แก้ลมหน้ามืด บำรุงหัวใจ ขับระดู ขับลม ส่วนผลที่มีรสเปรี้ยว ก็ใช้ขับเสมหะ ฟอกเลือด สระผมขจัดรังแค รากใช้แก้พิษฝีภายใน ใบ แก้ช้ำใน ดับกลิ่นคาว

มะกรูดจัดเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้ในบ้านโดยปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัย มีความสุข

ด้วยสรรพคุณและความต้องการพืชสมุนไพรชนิดนี้ มะกรูดจึงนิยมปลูกเพื่อการพาณิชย์มากยิ่งขึ้น

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะกรูดเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-8 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน

ใบ เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม มีต่อมน้ำมันอยู่ตามผิวใบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ก้านใบมีปีกดูคล้ายใบ ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง

ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 แฉก โคนกลีบดอกติดกัน ผล เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ โคนผลเรียวเป็นจุก ผิวขรุขระ มีต่อมน้ำมัน ผลอ่อนสีเขียวแก่ สุกเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มีหลายเมล็ด

การปลูกและการเตรียมดิน
การปลูกมะกรูดก็เหมือนการปลูกไม้ผลทั่วไป ขุดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงดำออก นำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ คลุมฟาง และทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด

มะกรูดเป็นพืชทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก แต่ก็ไม่ชอบน้ำขัง การปลูกควรเลือกดินร่วนปนทราย หรือพื้นที่ที่มีการระบายน้ำที่ดี

ข้อมูลเพิ่มเติม-มะกรูด

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC.

ชื่อสามัญ : Leech lime, Mauritus papeda

วงศ์ : Rutaceae

ชื่ออื่น : มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะขู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้)

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

สนสามใบ

สนสามใบมักขึ้นอยู่ตามธรรมชาติบนดอยสูงซึ่งช่วยอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร แต่นั่นก็ไม่เพียงพอต่อการอนุรักษ์ผืนป่าที่ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว สนสามใบจึงเป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้ที่นำไปปลูกเพื่อเพิ่มผืนป่าอีกด้วยอีกทั้งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเลย

สนสามใบยังใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์ โดยนำไม้ใช้ในการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของเล่นเด็กที่ทำด้วยไม้เพื่อส่งนอก ด้วยเนื้อไม้มีสีค่อนข้างขาวจึงเป็นที่นิยมของตลาดในยุโรป ญี่ปุ่นและอเมริกา นอกจากนี้แล้วยังนำไปทำเยื่อกระดาษ ส่วนยางนำไปกลั่นเป็นน้ำมัน ทำชันสนใช้ผสมยารักษาโรค รวมทั้งน้ำมันใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย

ลักษณะของไม้

เป็นไม้ยืนต้น สูง 10–30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม

เปลือก สีน้ำตาล อมชมพูอ่อน แตกสะเก็ดขนาดใหญ่ มักมียางสีเหลืองซึมออกมาตามรอยแตก

ใบ ใบเดี่ยวออกติดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ใบ จึงได้ชื่อว่าสนสามใบ รูปเข็ม มีความยาว 10 - 25 เซนติเมตร

ดอก ออกดอกช่วงพฤศจิกายน - มีนาคม

ผล ออกรวมกันเป็นกลุ่ม รูปไข่ สีน้ำตาล กว้าง ประมาณ 5 เซนติเมตร ยาว 8 เซนติเมตร เมล็ดขนาดเล็กมีปีก

ถิ่นกำเนิดในพม่า ขึ้นเป็นกลุ่มบนเขาหรือเนินเขา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 - 1,600 เมตร

ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด

การปลูก สนสามใบไม่ชอบน้ำขัง หากน้ำขังแล้วจะทำให้รากเน่าตาย ดังนั้นควรปลูกสภาพที่เหมาะสม ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย

ระยะการปลูก

ปลูกเพื่อการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร นิยมปลูกกันที่ระยะ 4 x 4 เมตร (100 ต้น/ไร่) เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นสีเขียวโดยเร็ว

ปลูกเพื่อการพาณิชย์ ปลูกในระยะ 5 x 3 เมตร ซึ่งจะได้จำนวนต้นไม้ 176 ต้น/ไร่ แต่หากการปลูกในเชิงวนเกษตร โดยมีการปลูกพืชอื่นๆ ควบระหว่างแถวด้วยนั้น ระยะปลูกจะต้องห่างขึ้นด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม-สนสามใบ

ชื่อสามัญ Kesiya pine, Khasiya pine

ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinus kesiya Royle ex Gordon

วงศ์ PINACEAE

ชื่ออื่น เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ), เกี๊ยะเปลือกบาง (เชียงใหม่), จ๋วง (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เชี้ยงบั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แปก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน-เพชรบูรณ์), สนเขา สนสามใบ (ภาคกลาง)

มะนาวตาฮิติ


ขึ้นชื่อว่ามะนาวก็เปรี้ยว...จี๊ด สุดใจ แต่มะนาวตาฮิติ นี่สิ มีลักษณะเด่นที่พิเศษกว่ามะนาวพันธฺุ์อื่น ๆ ที่ ลูกใหญ่ น้ำเยอะ ไม่มีเมล็ด เปลือกหนา น้ำหอมแต่น้อยกว่ามะนาวแป้นนิดหนึ่ง

ผลมะนาวตาฮิติ เก็บในห้องอุณหภูมิปกติไม่แช่ตู้เย็น จะอยู่ได้เป็นเวลา 7-10 วัน โดยเปลือกยังคงเป็นสีเขียวอยู่ ผลจะนิ่มขึ้น น้ำมากขึ้น หากเก็บใส่ตู้เย็นก็จะอยู่ได้นานถึง 2 เดือนเลย

มะนาวตาฮิติ มีคุณสมบัติต้านทานโรคแคงเกอร์ได้ดี คนปลูกมะนาวพันธฺ์นี้สบายใจได้ว่าไม่มีแมลงมาเบียดเบียน

หน้าฝนนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกมะนาวตาฮิติ เพราะติดง่าย ใครสนใจก็หาไปปลูกได้นะ

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วาสนาอธิษฐาน

คนไทยเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นวาสนาอธิษฐาน จะเกิดความสุข และสมหวังในชีวิต

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นวาสนาอธิษฐานไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทางใบ ให้ปลูกในวันอังคาร

ถ้าจะให้เป็นมงคลยิ่งขึ้นผู้ปลูกควรเป็นสภาพสตรี เพราะวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะสมกับสุภาพสตรี

ลักษณะ

วาสนาอธิฐานจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 4-10 เมตร ลำต้นกลม ต้นตรง ไม่มีกิ่งก้าน ลำต้นเป็นข้อถี่ ผิว เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล

ใบ ใบเดี่ยวแตกออกมาจากลำต้น ส่วนยอดเรียงซ้อนกันเวียนรอบลำ ต้นเป็นรูปวงกลม ใบเรียวยาว ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ผิวเกลี้ยงเป็นมันสีเขียว ตัวใบโค้งงอ ขนาดใบกว้างประมาณ 3-6 ซ.ม.

ดอก มีสีขาวหรือสีเหลืออ่อน มีกลิ่นหอมฉุน ออกดอกในฤดูหนาว ประมาณเดือนธันวาคม

วิธีการปลูก

ปลูกลงดิน เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน
ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร
ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตราส่วน 1 : 2 ผสมดินปลูก

การปลูกในกระถาง เพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร
ควรใช้กระถางทรงสูงขนาด 10-18 นิ้ว
ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : แกลบผุ : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดิน

ปลูก ควรเปลี่ยนกระถาง 1-2 ปี/ครั้ง หรือแล้วแต่ความเหมาะสม

การดูแลรักษา

วาสนาอธิษฐาน ต้องการแสงแดดอ่อนรำไรจนถึงแสงแดดจัดรดน้ำ อย่างน้อย 5-7 วัน/ครั้ง

ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 5-6 ครั้ง

ลักษณะเด่นอีกอย่าง คือถ้าส่วนใบได้รับแสงแดดสม่ำเสมอ จะทำให้สีสันของใบสวยงามยิ่งขึ้น

การปลูกวาสนาถือเป็นโชคสองชั้นถ้าดูแลแล้วก็จะดีโชคดีไปด้วยเพราะเป็นไม้เสี่ยงทาย หากผู้ใดดูแลรักษารดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยอย่างดี จนต้นวาสนาออกดอก ก็เชื่อว่าจะช่วยให้คนในครอบครัวนั้นได้รับโชคลาภ สาธุ.

✳ วาสนาอธิฐาน-เพิ่มเติม

ชื่อสามัญ Queen of Dracaenas
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena goldieana
ชื่อวงศ์ Agavaceae
ชื่ออื่น มังกรหยก,ประเดหวี

หูกระจง

ต้นหูกระจงหรือเรียกให้เป็นมงคลกับปาก คือ ต้นแผ่บารมี (Terminalia ivorensis Chev.)

หูกระจงเป็นไม้ทรงพุ่มที่ให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี แตกกิ่งเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นห่างกันประมาณ 50-100 ซม. เป็นไม้โตเร็ว ผลัดใบและอายุยืน นิยมนำมาตกแต่งสวน และประดับริมถนน

ลักษณะ
ใบ มีขนาดเล็กคล้ายกับหูกวางแต่มีขนาดเล็กกว่า เลยได้ชื่อว่าหูกระจง
ดอก มีสีขาวคล้ายดอกกระถินณรงค์
เมล็ด คล้ายกับเมล็ดพุทรา
การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ดเนื่องจากเจริญเติบโต ได้เร็ว และได้ทรงพุ่มที่สวยงาม

ในบ้านเรามีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ
1. หูกระจงธรรมดา - นิยมซื้อไปปลูกเป็นไม้ประดับมากที่สุด
2. หูกระจงหนาม - มีทรงพุ่มที่สวยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ใบขึ้นเงาและหนาแน่น เหมาะกับปลูกเป็นไม้กระถาง แต่ด้วยความเชื่อเรื่องหนามว่าไม่เป็นมงคลต่อผู้ปลูก ทำให้ไม่ได้รับความสนใจ
3. หูกระจงแคระ - ค่อนข้างหายาก และราคาแพง

การเลือกต้นหูกระจง

หากเป็นชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว ก็แนะนำให้ซื้อที่เป็นต้นกล้าไปปลูกเพราะเป็นไม้ที่โตไวรอไม่นานและจัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ

หากรอไม่ไหวใจร้อนหรือต้องการต้นโตเลยเพื่อนำมาตกแต่งสวน หรือตกแต่งภูมิทัศน์แนะนำให้เลือกไม้ที่มีขนาดของลำต้น มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-8 นิ้วฟุตขึ้นไป ราคาซื้อ-ขาย มักจะยึดตามขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นเป็นหลัก ซึ่งต้นที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว จะมีราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท

การปลูกและดูแล
ปลูกลงดิน หรือปลูกในกระถางก็ได้ เป็นไม้โตไว
เคล็ดลับการดูแล รดน้ำให้ชุ่มและสม่ำเสมอ ใบจะไม่ค่อยร่วง

เพิ่มเติม-ต้นหูกระจง
ถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าแอฟริกาตะวันตก แถบเส้นศูนย์สูตร ตั้งแต่ประเทศกีนี ไปจนถึงประเทศแคเมอรูน เป็นพืชเศรษฐกิจ มีการปลูกเพื่อใช้เนื้อไม้ ในแถบถิ่นกำเนิด เป็นไม้ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว และมีอายุยืน

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร Plantae
ส่วน Magnoliophyta
ชั้น Magnoliopsida
อันดับ Myrtales
วงศ์ Combretaceae
สกุล Terminalia
สปีชีส์ T. ivorensis