มะกรูด หนึ่งในไม้สวนครัวที่อยากแนะนำให้ควรปลูกไว้ติดบ้าน
มะกรูดช่วยให้ผมดำเงางาม กำจัดรังแค แก้คันศรีษะ แก้ผมแตกปลาย ป้องกันผมร่วง และหงอกช้า สรรพคุณทางยา ก็มีมากโดยผลสด ผิวมะกรูด มีกลิ่นหอมร้อน แก้ลมหน้ามืด บำรุงหัวใจ ขับระดู ขับลม ส่วนผลที่มีรสเปรี้ยว ก็ใช้ขับเสมหะ ฟอกเลือด สระผมขจัดรังแค รากใช้แก้พิษฝีภายใน ใบ แก้ช้ำใน ดับกลิ่นคาว
มะกรูดจัดเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้ในบ้านโดยปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัย มีความสุข
ด้วยสรรพคุณและความต้องการพืชสมุนไพรชนิดนี้ มะกรูดจึงนิยมปลูกเพื่อการพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
มะกรูดเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2-8 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาล มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน
ใบ เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม มีต่อมน้ำมันอยู่ตามผิวใบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ก้านใบมีปีกดูคล้ายใบ ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง
ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 แฉก โคนกลีบดอกติดกัน ผล เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ โคนผลเรียวเป็นจุก ผิวขรุขระ มีต่อมน้ำมัน ผลอ่อนสีเขียวแก่ สุกเป็นสีเหลือง มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มีหลายเมล็ด
การปลูกและการเตรียมดิน
การปลูกมะกรูดก็เหมือนการปลูกไม้ผลทั่วไป ขุดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงดำออก นำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ คลุมฟาง และทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด
มะกรูดเป็นพืชทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก แต่ก็ไม่ชอบน้ำขัง การปลูกควรเลือกดินร่วนปนทราย หรือพื้นที่ที่มีการระบายน้ำที่ดี
ข้อมูลเพิ่มเติม-มะกรูด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC.
ชื่อสามัญ : Leech lime, Mauritus papeda
วงศ์ : Rutaceae
ชื่ออื่น : มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะขู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้)
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555
สนสามใบ
สนสามใบมักขึ้นอยู่ตามธรรมชาติบนดอยสูงซึ่งช่วยอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร แต่นั่นก็ไม่เพียงพอต่อการอนุรักษ์ผืนป่าที่ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว สนสามใบจึงเป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้ที่นำไปปลูกเพื่อเพิ่มผืนป่าอีกด้วยอีกทั้งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเลย
สนสามใบยังใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์ โดยนำไม้ใช้ในการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของเล่นเด็กที่ทำด้วยไม้เพื่อส่งนอก ด้วยเนื้อไม้มีสีค่อนข้างขาวจึงเป็นที่นิยมของตลาดในยุโรป ญี่ปุ่นและอเมริกา นอกจากนี้แล้วยังนำไปทำเยื่อกระดาษ ส่วนยางนำไปกลั่นเป็นน้ำมัน ทำชันสนใช้ผสมยารักษาโรค รวมทั้งน้ำมันใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย
ลักษณะของไม้
เป็นไม้ยืนต้น สูง 10–30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม
เปลือก สีน้ำตาล อมชมพูอ่อน แตกสะเก็ดขนาดใหญ่ มักมียางสีเหลืองซึมออกมาตามรอยแตก
ใบ ใบเดี่ยวออกติดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ใบ จึงได้ชื่อว่าสนสามใบ รูปเข็ม มีความยาว 10 - 25 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกช่วงพฤศจิกายน - มีนาคม
ผล ออกรวมกันเป็นกลุ่ม รูปไข่ สีน้ำตาล กว้าง ประมาณ 5 เซนติเมตร ยาว 8 เซนติเมตร เมล็ดขนาดเล็กมีปีก
ถิ่นกำเนิดในพม่า ขึ้นเป็นกลุ่มบนเขาหรือเนินเขา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 - 1,600 เมตร
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
การปลูก สนสามใบไม่ชอบน้ำขัง หากน้ำขังแล้วจะทำให้รากเน่าตาย ดังนั้นควรปลูกสภาพที่เหมาะสม ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย
ระยะการปลูก
ปลูกเพื่อการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร นิยมปลูกกันที่ระยะ 4 x 4 เมตร (100 ต้น/ไร่) เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นสีเขียวโดยเร็ว
ปลูกเพื่อการพาณิชย์ ปลูกในระยะ 5 x 3 เมตร ซึ่งจะได้จำนวนต้นไม้ 176 ต้น/ไร่ แต่หากการปลูกในเชิงวนเกษตร โดยมีการปลูกพืชอื่นๆ ควบระหว่างแถวด้วยนั้น ระยะปลูกจะต้องห่างขึ้นด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม-สนสามใบ
ชื่อสามัญ Kesiya pine, Khasiya pine
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinus kesiya Royle ex Gordon
วงศ์ PINACEAE
ชื่ออื่น เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ), เกี๊ยะเปลือกบาง (เชียงใหม่), จ๋วง (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เชี้ยงบั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แปก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน-เพชรบูรณ์), สนเขา สนสามใบ (ภาคกลาง)
สนสามใบยังใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์ โดยนำไม้ใช้ในการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของเล่นเด็กที่ทำด้วยไม้เพื่อส่งนอก ด้วยเนื้อไม้มีสีค่อนข้างขาวจึงเป็นที่นิยมของตลาดในยุโรป ญี่ปุ่นและอเมริกา นอกจากนี้แล้วยังนำไปทำเยื่อกระดาษ ส่วนยางนำไปกลั่นเป็นน้ำมัน ทำชันสนใช้ผสมยารักษาโรค รวมทั้งน้ำมันใช้ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย
ลักษณะของไม้
เป็นไม้ยืนต้น สูง 10–30 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม
เปลือก สีน้ำตาล อมชมพูอ่อน แตกสะเก็ดขนาดใหญ่ มักมียางสีเหลืองซึมออกมาตามรอยแตก
ใบ ใบเดี่ยวออกติดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ใบ จึงได้ชื่อว่าสนสามใบ รูปเข็ม มีความยาว 10 - 25 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกช่วงพฤศจิกายน - มีนาคม
ผล ออกรวมกันเป็นกลุ่ม รูปไข่ สีน้ำตาล กว้าง ประมาณ 5 เซนติเมตร ยาว 8 เซนติเมตร เมล็ดขนาดเล็กมีปีก
ถิ่นกำเนิดในพม่า ขึ้นเป็นกลุ่มบนเขาหรือเนินเขา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 - 1,600 เมตร
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
การปลูก สนสามใบไม่ชอบน้ำขัง หากน้ำขังแล้วจะทำให้รากเน่าตาย ดังนั้นควรปลูกสภาพที่เหมาะสม ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย
ระยะการปลูก
ปลูกเพื่อการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร นิยมปลูกกันที่ระยะ 4 x 4 เมตร (100 ต้น/ไร่) เพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นสีเขียวโดยเร็ว
ปลูกเพื่อการพาณิชย์ ปลูกในระยะ 5 x 3 เมตร ซึ่งจะได้จำนวนต้นไม้ 176 ต้น/ไร่ แต่หากการปลูกในเชิงวนเกษตร โดยมีการปลูกพืชอื่นๆ ควบระหว่างแถวด้วยนั้น ระยะปลูกจะต้องห่างขึ้นด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม-สนสามใบ
ชื่อสามัญ Kesiya pine, Khasiya pine
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pinus kesiya Royle ex Gordon
วงศ์ PINACEAE
ชื่ออื่น เกี๊ยะเปลือกแดง (ภาคเหนือ), เกี๊ยะเปลือกบาง (เชียงใหม่), จ๋วง (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เชี้ยงบั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), แปก (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน-เพชรบูรณ์), สนเขา สนสามใบ (ภาคกลาง)
ป้ายกำกับ:
เกี๊ยะ,
ชันสน,
ประโยชน์,
ปลูกป่า,
พันธุ์ไม้พระราชทาน,
ไม้ประจำจังหวัด,
ไม้สน,
วิธีปลูก,
สน,
สนสามใบ,
Kesiya pine,
Khasiya pine,
Pinus kesiya Royle ex Gordon
มะนาวตาฮิติ
ขึ้นชื่อว่ามะนาวก็เปรี้ยว...จี๊ด สุดใจ แต่มะนาวตาฮิติ นี่สิ มีลักษณะเด่นที่พิเศษกว่ามะนาวพันธฺุ์อื่น ๆ ที่ ลูกใหญ่ น้ำเยอะ ไม่มีเมล็ด เปลือกหนา น้ำหอมแต่น้อยกว่ามะนาวแป้นนิดหนึ่ง
ผลมะนาวตาฮิติ เก็บในห้องอุณหภูมิปกติไม่แช่ตู้เย็น จะอยู่ได้เป็นเวลา 7-10 วัน โดยเปลือกยังคงเป็นสีเขียวอยู่ ผลจะนิ่มขึ้น น้ำมากขึ้น หากเก็บใส่ตู้เย็นก็จะอยู่ได้นานถึง 2 เดือนเลย
มะนาวตาฮิติ มีคุณสมบัติต้านทานโรคแคงเกอร์ได้ดี คนปลูกมะนาวพันธฺ์นี้สบายใจได้ว่าไม่มีแมลงมาเบียดเบียน
หน้าฝนนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกมะนาวตาฮิติ เพราะติดง่าย ใครสนใจก็หาไปปลูกได้นะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)